4 ร้านอาหารจานเด็ดแห่งสุขุมวิท สารพัดเมนูอาหารจาก 4 ร้าน 4 สไตล์ ทั้งอาหารเหลาสไตล์จีนเบเกอรี่อบใหม่ ๆ สไตล์เดนมาร์ก ร้านซีฟู้ดเจ้าดังที่คิวแน่นตลอดกาล และร้านอาหารไทยคลาสสิกฟีลอุ๊นอุ่นที่เหมือนมีคุณแม่มาทำให้
1. อัน อัน เหลา
“สุดยอดร้านอร่อยเก่าแก่ เอกลักษณ์จากเบตงเท้ ๆ ที่คุณต้องไปลิ้มลอง”
อัน อัน เหลา ภัตตาคารจีนชั้นดีที่เปี่ยมล้นไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมอาหารสไตล์จีนและอาหารท้องถิ่นของอำเภอเบตง จังหวัดยะลาเข้าไว้ด้วยกัน อัน อัน เหลา เปิดตัวครั้งแรกในอำเภอเบตง เมื่อพ.ศ. 2523 ซึ่งในอดีตมีชาวจีนอพยพจากมณฑลต่าง ๆ มาตั้งรกรากอยู่เป็นจำนวนมาก และในตอนนี้ความอร่อยจากใต้สุดแห่งแดนสยามนั้นก็ถูกยกมาไว้ให้ชาวกรุงเทพฯ ได้ลิ้มลองกันถึงสุขุมวิทแล้ว! เมนูไก่เบตงนี้แหละป็นสุดยอดเมนูแนะนำของอัน อัน เหลา เนื้อไก่เบตง จะมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างจากไก่ทั่วไปอย่างชัดเจน คือตัวหนังไก่นั้นจะบางแต่กรุบ ส่วนเนื้อก็แน่นหนึบแต่ดันนุ่มสุด ๆ เลยอีกด้วย ราดด้วยซีอิ๊วกับกระเทียมเจียวหอม ๆ จิ้มคู่กับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวและขิงสูตรลับเฉพาะของร้าน อีกหนึ่งเมนูฮิตที่ไม่สั่งไม่ได้ เมื่อมีไก่หนังกรุบ แล้วจะขาด ‘เป็ดปักกิ่ง’ หนังกรอบ ๆ ไปได้ยังไง! กรรมวิธีการทำเป็ดปักกิ่งของที่นี่นั้นพิถีพิถันกันแบบนานข้ามคืน
ห้ามพลาดเป็นอันขาดคือหัวปลาผัดเผ็ด โดยที่ร้านเลือกใช้ปลากะพงทะเลตัวใหญ่ตัวละประมาณ 7-9 กิโลกรัมจากมหาชัยมาปรุง ซึ่งจะใช้เฉพาะส่วนหัวและพุงปลามาผัดกับเครื่องแกงสูตรปักษ์ใต้แท้ ๆ จากบ้านเจ้าของร้าน ตำเครื่องแกงกันสดใหม่ให้หอมกันแบบสุด ๆ เข้มข้นร้อนแรงแต่ไม่เผ็ดจนเกินไป จะได้ไม่ชาลิ้นเวลาชิมอาหารจีนอื่น ๆ ส่วนเนื้อปลานั้น สามารถสั่งไปทำเป็นเมนูเบตงอื่น ๆ ได้ด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้เบตงผัดเนื้อปลา โดยใช้เต้าหู้ขาวของเบตงที่เนื้อแน่นเนียนคล้ายกับเต้าหู้ญี่ปุ่น นำมาทอดเล็กน้อยจากนั้นก็ผัดกับเนื้อปลากะพงและขึ้นฉ่าย ซึ่งจานนี้ก็ขอบอกเลยว่าเด็ดไม่แพ้ใครเหมือนกัน และที่ร้านนี้ก็ยังมีของดีจากภูเก็ตอย่างเมนูใบเหลียงผัดกุ้งเสียบ รวมถึงเมนูพิเศษอย่างผักน้ำผัดน้ำมันหอย ที่การันตีว่าสดและกรอบอร่อยมาก ๆ และเจ้าของร้านยังบอกอีกด้วยว่าเมนูนี้นั้นเป็นจานเด็ดจากเบตงที่หากินได้ยากมาก ๆ เพราะว่าผักน้ำที่ใช้ผัดนั้นเป็นผักที่จะขึ้นในน้ำเย็นที่เป็นน้ำไหลเท่านั้น
📍 พิกัด : An An Lao อัน อัน เหลา โครงการ A Square 122 ซ.สุขุมวิท 26 คลองตัน คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 เปิดบริการทุกวัน 10.00 – 22.00 น. โทร 02-261-8188-9
2. ภรณี (Bharani)
“โฮมคุกกิ้งในตำนาน ความอร่อยที่ถูกส่งผ่านมานานกว่า 3 รุ่น!”
ร้านภรณี เจ้าตำรับโฮมคุกกิ้งที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2492 ด้วยทั้งความอร่อยอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการตกแต่งร้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปนั่งอยู่ที่ร้านในอังกฤษเมื่อยุคก่อน ๆ เมนูซิกเนเจอร์ โดยมีตั้งแต่พล่าแฮมโฮมเมด ที่รมด้วยควันกาบมะพร้าวจากเขาใหญ่ จนหอมนุ่มเป็นพิเศษ ม้วนมาเป็นคำ ๆ ตัดกับรสชาติจี๊ดจ๊าดของเกลือ มะนาว และน้ำตาลทราย แกล้มคู่กันกับพริก ถั่วลิสง และผักสด เรียบแต่โก้โชว์ความอร่อยกันแบบออเดิร์ฟไปก่อนเลยหนึ่ง จานถัดมาเป็นทาโก้เนื้อ ซึ่งดัดแปลงมาจากอาหารเม็กซิกัน กลายเป็นเมนูเอกลักษณ์ที่ใคร ๆ ก็โหยหา ในถาดหนึ่งจะตัดเป็น 8 ชิ้นพอคำ แป้งก็กรอบกำลังดี มีหน้าให้เลือกหลากหลาย ทั้งเนื้อสับ หมูสับ และไก่สับ แล้วโรยทับด้วยชีสและกะหล่ำปลีฝอย ตบท้ายด้วยซอสซัลซ่าเข้มข้นที่ทำจากมะเขือเทศ หอมใหญ่ ใส่กระเทียมสับหนักๆ เคี่ยวปรงุรสเติมพริกป่นให้มีรสเผ็ดนิด ๆ รับรองว่าติดใจไม่แพ้จานแรกแน่นอน เขยิบมาที่อีกหนึ่งความอร่อย กับเมนูข้าวขึ้นชื่ออย่าง ‘ข้าวผัดเนื้อเค็ม’ ความเบสิกที่ลองซักคำก็คือเบรกกันไม่ได้เลยยย ทั้งความหอม ความกรอบ และรสชาติที่กลมกล่อมกำลังดี แถมเจ้าเนื้อเค็มพระเอกของจานนี้ก็ยังใส่มาให้เน้น ๆ ไม่มีกั๊ก หรือถ้าใครไม่ถนัดข้าวผัดเนื้อเค็มเค้าก็มีข้าวผัดหมูเค็มและข้าวผัดภรณี (ข้าวผัดแฮม) ไว้สำรองเสิร์ฟกันด้วยจ้า
ใครอยากชิมรสสัมผัสของความกรอบเด้ง ขอแนะนำเป็น ‘ไส้กรอกเวียนนาทอด’ ไส้กรอกโฮมเมดหอม ๆ ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ต้องชื่นชอบกันทีเด็ดอีกอย่างของภรณีคือสตูลิ้นวัว โดยที่ร้านจะใช้ลิ้นวัวใหญ่ ๆ ทั้งชิ้นมาเคี่ยววนไป 4-5 ชั่วโมงจนนุ่มได้ที่ จากนั้นราดด้วยน้ำเกรวี่ที่เข้มข้นด้วยซอสมะเทศจนท่วมชิ้น หรือจะเปลี่ยนจากสตูลิ้นวัวมาเป็นสตูลิ้นหมูก็ได้เหมือนกัน ต่อกันด้วยความอร่อยกับอาหารสไตล์ดั้งเดิม ด้วยซุปบุยยาเบส ซุปรวมทะเลที่ดัดแปลงสูตรมาจากเมนูฝรั่งเศสตอนใต้ โดยจะใส่มาทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์และเนื้อปู แล้วเคี่ยวในซอสมะเขือเทศเข้มข้น ใบกระวาน กานพลู หญ้าฝรั่น ปรุงรสอีกนิดด้วยน้ำส้มสายชูกับเกลือ แล้วเสิร์ฟคู่กับขนมปังกระเทียมร้อน ๆ แบบหอมกรุ่น ปิดท้ายด้วยเมนูไทย ๆ อย่าง ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือแสนแสบ’ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกใส่ลูกชิ้นและเนื้อสด ถ้าอยากพิเศษขึ้นอีกหน่อยจะเลือกเป็นหมูออร์แกนิกก็ได้ หรือเนื้อไทย-เฟรนช์ก็ดี และที่นี่ก็ยังมีเมนูไทยอีกหลากหลายเมนูความปังที่ทางเราไม่อยากให้พลาดกันเลยจริง ๆ
📍 พิกัด : ภรณี Bharani Since1949 96/14 ซ.สุขุมวิท23 (ประสานมิตร) คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110 เปิดบริการวันวันอังคาร-อาทิตย์ 11.00-20.30 น. (แต่แนะนำให้โทรเช็กก่อนไปชิม) โทร 089-773-3133
3. หน่องริมคลอง
“ตามสั่งขั้นเทพ ความสดสุดพิเศษที่เหมือนยกทะเลมาไว้ที่ร้าน!”
หน่องริมคลอง ร้านตามสั่งที่ดูธรรมด๊าธรรมดา รสชาติอาหารนั้นรับประกันความจึ้งแบบสุด ๆ ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ ว่าจุดขายสำคัญและโดดเด่นมว้ากกกกของร้านหน่องริมคลอง ก็คืออาหารทะเลสดใหม่ในไซส์ที่ใหญ่เบิ้มกว่าวัตถุดิบของร้านตามสั่งธรรมดาทั่วไป อย่างปลากะพงก็ต้องเป็นปลาตัวใหญ่ขนาด 8 กิโลกรัม เพื่อให้ได้เนื้อสด แน่น มันตามธรรมชาติ กรรเชียงปูก็จะใช้เนื้อปูที่แกะมาเป็นก้อน ๆ แบบเต็มคำ นอกจากนี้ยังมีปลาเก๋า กุ้ง กั้ง หมึก และหอยเชลล์ที่ส่งตรงจากจังหวัดตราด สดใหม่แบบวันต่อวัน ไม่มีการแช่แข็งข้ามคืนกันแต่อย่างใด! ขอเริ่มประเดิมจานแรกด้วยเมนูดังประจำร้านอย่างไข่ข้นปู แต่ไข่ข้นปูของที่นี่จะพิเศษกว่าที่อื่น ๆ เพราะนอกจากที่จะใส่กรรเชียงปูมาเป็นก้อน ๆ ในไข่ข้นเนื้อนุ่มเนียน ก็ยังเสิร์ฟมาพร้อมกับกะหล่ำปลีออนท็อปเพื่อเพิ่มความหอมหวานและเท็กซ์เจอร์ความกรุบไปอีกหนึ่งแมทช์! และอีกหนึ่งตัวจี๊ดที่ต้องสั่งก็คือไข่เจียวปู เมนูตระกูลไข่ที่ทำได้อลังการงานสร้าง ด้วยไข่เจียวก้อนหนา ๆ ที่กรอบนอกนุ่มในและอัดแน่นไปด้วยเนื้อปูก้อน ความคุ้มค่าที่บอกเลยว่าพลาดไม่ได้จ้า
สายแซ่บต้องเตรียมซุย! กับเมนูกุ้งปูผัดพริกขี้หนู กรรเชียงปูกับกุ้งเนื้อสดเด้ง คั่วมาแบบแห้ง ๆ จนความหอมและรสชาติสุดร้อนแรงพริกขี้หนูซึมเข้าเนื้อ แซ่บแห้งแล้วก็ต้องมีแซ่บน้ำให้ซดตามกันมาติด ๆ ด้วยต้มยำปลากะพง ที่เนื้อปลาตัวใหญ่สด ๆ เฟรช ๆ แบบเด้งจริงอะไรจริง แพรวพราวสุดฤทธิ์ด้วยรสเปรี้ยวของมะนาวสดและความเผ็ชร้อนของพริกแห้งหอม ๆ จะสั่งแบบน้ำข้นหรือน้ำใสก็เริ่ด! และปิดท้ายด้วยเมนูเส้น ที่รักพี่เสียดายน้อง เลยต้องสั่งมาพร้อมกันทั้ง 2 จาน คือหมี่ผัดปู เมนูที่เส้นหมี่ซั่วผัดกับกรรเชียงปู กะหล่ำปลี และต้นหอม ในส่วนของรสชาติก็คือนุ่มนวลมาก และตัดรสกันไปอีกซักจานด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผัดพริก ใส่เนื้อปูกับพริกขี้หนูสดเผ็ดหอม ขายหนัก ขายแน่น ขายกันเน้น ๆ ขนาดนี้ เชลล์ชวนชิมการันตีทั้งทีแล้วคุณพี่จะพลาดได้เหรอออ!
📍 พิกัด : หน่องริมคลอง 51 ซ.เอกมัย 23 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110 เปิดบริการวันจันทน์-เสาร์ 08.30-16.30 น. โทร 086-044-9478 และ 094-484-4248
4. Danish Bake
“เพสตรี้ต้นตำรับ ร้านเล็กไม่ลับแห่งย่านทองหล่อ!”
ส่งท้ายความอร่อยรวมร้านจากย่านสุ(ข)ขุมวิท ที่คนรักเค้กและเพสตรี้ต้องห้ามพลาด! ใครที่อยากลองขนมเพสตรี้สไตล์เดนมาร์กขนานแท้ ดุจอิมพอร์ตขึ้นยานแม่มาจากประเทศต้นตำรับ ก็บอกเลยว่าต้องที่ ‘Danish Bake’ โดยคนทำขนมประจำร้านเคยเป็นผู้ช่วยของเชฟชาวเดนมาร์ก จากสายการบินสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์มาก่อน Danish Bake ถือเป็นเจ้าตำนานสุดยอดเดนิช เพสตรี้ มานานกว่าครึ่งศตวรรษโดยมีลูกค้าขาประจำทั้งไทยและเทศแวะมาอุดหนุนวนไปแบบไม่ขาดสาย ด้วยจุดเด่นสำคัญอย่างขนมเค้กและเพสตรี้หลากหลายรูปแบบ แถมราคาสบายกระเป๋าอีกต่างหา ความโด่งดังสุด ๆ ของที่นี่ต้องยกให้กับเรื่องของความหอม และหวานมันของเดนิช เพสตรี้ ที่จะรีดแป้งกับเนยอย่างชำนาญในห้องปรับอากาศที่มีการควบคุมอุณหภูมิ จนได้เป็นขนมอบที่มีแป้งเพสตรี้เป็นชั้น ๆ เบา ๆ กรอบ ๆ โดยเฉพาะกับหน้าคัสตาร์ดกับอัลมอนด์เพสต์ที่หอมหวานจนกินแล้วหยุดไม่ได้!
นอกจากนี้ที่ Danish Bake ก็ยังมีทั้งขนมอบ เค้ก และเพสตรี้อุ่น ๆ กรุ่นจากเตาพร้อมต้อนรับเหล่าคนรักเบเกอรี่อยู่เสมอ โดยเมนูในแต่ละช่วงหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ รวมแล้วนับร้อยชนิดที่มีให้คุณได้ตามมาชิมแบบไม่มีเบื่อ ทั้งขนมปังเนยสด ขนม Palmiers หรือพายผีเสื้อชิ้นใหญ่เนื้อกรอบหอมอร่อย และยังมีครัวซองต์อีกหลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นครัวซองต์ไส้กรอก ครัวซองต์พรีเมียม ครัวซองต์ไส้อัลมอนด์ ครัวซองต์ไส้ครีมชีส ผลไม้ ช็อกโกแลต แมคคาเดเมีย ฯลฯ หากใครแวะเวียนมาตอนเช้า ๆ ก็จะมีอาหารเช้าสำหรับชาวออฟฟิศวางจำหน่ายแบบพร้อมทาน เพื่อการเริ่มงานที่แฮปปี้กันด้วยเธอ ทั้งขนมปังฮอทดอกไส้ไข่ เบคอน ชีส เมนูเด็ดที่กินตอนร้อน ๆ จะอร่อยมากเป็นพิเศษแบบเมดมายเดย์ไปได้ทั้งวัน หรือจะเป็นขนมปังกระเทียมหน้าเบคอน และครัวซองต์ไส้สลัดไก่ก็มีให้เลือกกินได้ตามความชอบกันไปเล้ยยยย
📍 พิกัด : Danish Bake Bakery 591/8 ซ.ข้างวิลล่าซุปเปอร์มาร์เก็ต (ระหว่างสุขุมวิท 33 และ สุขุมวิท 33/1) ถ.สุขุมวิท คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110 เปิดบริการทุกวัน 07.00 – 19.00 น. โทร 02-259-7272, 089-775-9149 และ 081-339-4253